ขายเบาะนอนในรถ

ขายเบาะนอนในรถ
ปรับเบาะหลังรถของคุณให้เป็นที่นอนสบายๆกับผลิตภัณฑ์เบาะนอนในรถ

วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

vdo พระพุทธเจ้าBudddha 37 ตอนพิจารณาชราธรรม

vdo พระพุทธเจ้าBuddha 38ตอน แสดงโอฬาริกนิมิต

vdo พระพุทเจ้าBuddha ตอนห้ามมาร

vdo พระพุทธเจ้าbuddhaตอน ปลงอายุสังขาร

vdo พระพุทเจ้าBuddha ตอน 41รับอุทก

vdo พระพุทธจ้าBuddha Thus Have I Heard -พยากรณ์บิณฑบาต ๒ ครั้ง

vdo พระพทธเจ้า Buddha Thus Have I Heard - ตอนสังเวชนียสถาน ๔

วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Meditation: Clearing Negativity

Meditation: Clearing Negativity

Universal Mind Meditation {Guided Meditation}

Universal Mind Meditation {Guided Meditation}

Relax - Buddhist Meditation Music - Zen Garden - Kokin Gumi

Relax - Buddhist Meditation Music - Zen Garden - Kokin Gumi
The Most Relaxing Music Ever! Slow down - by Paul Collier (11)

เปียโน สปา... สบาย ; Piano, Spa, Sabai

เปียโน สปา... สบาย ; Piano, Spa, Sabai

relax song บทเพลงที่ช่วยให้คุณผ่อนคลาย

บทเพลงที่ช่วยให้คุณผ่อนคลาย

meditation song เพลงสำหรับนั่งสมาธิ

เพลงสำหรับนั่งสมาธิ meditation song

วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ธรรมะท่านพุทธทาส


มองแต่แง่ดีเถิด
          เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา
จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่       
เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู
ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย
     จะหาคน มีดี โดยส่วนเดียว 
       อย่ามัวเที่ยว ค้นหา สหายเอ๋ย       
           เหมือนเที่ยวหา หนวดเต่า ตายเปล่าเลย
 ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริงฯ

ขอบคุณข้อมูลoknation

วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

หลักความเชื่อตามกาลามสูตร


หลักความเชื่อ ๑๐

หลักนี้มีที่มาใน กาลามสูตร และสูตรอื่นๆ ที่ตรัสไว้สำหรับให้ทุกคน มีความเชื่อในเหตุผลของตนเอง ในเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นว่า สิ่งที่มีผู้นำมากล่าวหรือสั่งสอนนั้น

ตนควรจะเชื่อถือเพียงไรหรือไม่ มีผู้ไปทูลถามว่า เขาได้รับความลำบากใจ ในการที่สมณะพราหมณ์พวกหนึ่ง ก็สอนไปอย่างหนึ่ง สมณะพราหมณ์พวกอื่นก็สอนไป
อย่างอื่น หลายพวกหลายอย่างด้วยกัน จนไม่รู้ว่า จะเชื่อใครดี ในที่สุด พระองค์ ตรัสหลักสำหรับ ทำความเชื่อแก่คนพวกนั้น มีใจความว่า

๑. มา อนุสฺสาเวน อย่าเชื่อโดยฟังตามกันมา
๒. มา ปรมฺปราย อย่าเชื่อโดยเหตุสักว่าตามสืบๆ กันมา
๓. มา อิติ กิราย อย่าเชื่อโดยตื่นข่าว
๔. มา ปิฎกสัมฺปทาเนน อย่าเชื่อโดยอ้างปิฎก
๕. มา ตกฺกเหตุ อย่าเชื่อโดยนึกเดาเอาเอง
๖. มา นยเหตุ อย่าเชื่อโดยคาดคะเน
๗. มา อาการปริวิตกฺเกน อย่าเชื่อโดยการตรึกตรองตามอาการ
๘. มา ทิฎฐินิชฺฌานกฺขนกฺขนฺติยา อย่าเชื่อโดยเห็นว่าถูกตามลัทธิของตน
๙. มา ภพฺพรูปตาย อย่าเชื่อโดยเห็นว่า ผู้พูดควรเชื่อได้
๑๐. มา สมโฌ โน ครุ อย่าเชื่อโดยถือว่า สมณะนี้เป็นครูของเรา

แต่ให้เชื่อ การพิจารณาของตนเอง ว่า คำสอนเหล่านั้น เมื่อประพฤติ กระทำตาม ไปแล้ว จะมีผลเกิดขึ้นอย่างไร ถ้ามีผลเกิดขึ้น เป็นการทำตนเองและผู้อื่นให้เป็นทุกข์ เดือดร้อน ก็เป็นคำสอน ที่ไม่ควรปฏิบัติตาม ถ้าไม่เป็นไป เพื่อทำตนเอง และ ผู้อื่นให้เดือดร้อน แต่เป็นไปเพื่อ ความสุข ความเจริญ ย่อมเป็นคำสอน ที่ควรทำ

ตาม ตัวอย่างเช่น เมื่อมีการพูดถึง ราคะ โทสะ โมหะ ว่าเป็นสิ่ง ควรละหรือไม่ ผู้ฟังจะต้องพิจารณา ให้เห็นชัด ด้วยตนเองว่า ราคะ โทสะ โมหะ เป็นสิ่งที่นำมา ซึ่ง ความทุกข์ หรือ ความสุข ให้เห็นชัดแก่ใจ ของตนเสียก่อน เมื่อเห็นว่า ราคะ

โทสะ โมหะ เป็นของร้อน จึงละเสีย ตามคำสอน ถ้ายังพิจารณา ไม่เห็นแม้แต่เล็กน้อย ก็เป็นสิ่งที่ให้รอไว้ก่อน ยังไม่ปฏิบัติตาม จนกว่า จะได้พิจารณาเห็นแล้ว จึงปฏิบัติตาม โดยสัดส่วน ของการพิจารณาเห็น ไม่ยอมเชื่อ และปฏิบัติตาม สักว่า
โดยเหตุ ๑๐ อย่าง ดังกล่าวแล้วข้างต้น

หลักนี้ เป็นการแสดงถึงความที่พระพุทธศาสนา ให้ความเป็นอิสระ ในความเชื่อ อย่างถึงที่สุด พึงรู้ไว้ในฐานะ เป็นอุปกรณ์ แห่งการควบคุม ความเชื่อของตน ให้เป็นไปในทาง ที่จะปฏิบัติ ให้เป็นผลสำเร็จได้จริงๆ 
คำว่า ฟังตามกันมา หมายถึง สิ่งที่บอกเล่า ต่อๆ กันมาตาม ธรรมเนียม เป็นต้น คำว่า ทำตามสืบๆ กันมา หมายถึง การทำตามสืบๆ กันมา โดยไม่ต้องคำนึง ถึง เหตุผล แต่ถือเอาการที่ทำสืบๆ กันมานั้นเองเป็น เหตุผล ลักษณะเช่นนี้เรียก กันว่า เถรส่องบาตร
คำว่า ตื่นข่าว หมายถึง สิ่งน่าอัศจรรย์ ที่กำลังลือกระฉ่อน กันอยู่ในขณะนั้น
คำว่า อ้างปิฎก หมายถึง มีหลักฐานที่อ้างอิงในตำรับตำรา หรือแม้แต่ในพระ
         ไตรปิฎกคำว่า นึกเดาเอาเอง คำว่า คาดคะเนเอาเอง และ คำว่า ตรึกตรองตามอาการ ทั้ง
        สามนี้ คล้ายกันมาก หากแต่ว่า หนักเบากว่ากัน ตามลำดับ คำว่า เดา หมายถึง การใช้เหตุผลชั่วแล่น ชั่วขณะ ตามวิสัยของคนธรรมดาทั่วไป คำว่า
        คาดคะเน ก็มีลักษณะอย่างนั้น หากแต่ว่ามีการเทียบเคียงโดยนัยต่างๆ ที่  รัดกุมกว่า ซึ่งเป็นวิสัยของผู้มีปัญญา คำว่า ตรึกตามอาการ คือการใช้เหตุ
        ผล หรือใช้สิ่งแวดล้อมเป็นเหตุผลตามที่มีปรากฏ อยู่เฉพาะหน้า ในที่นั้นๆ ซึ่งรัดกุมยิ่งไปกว่า การคาดคะเน
คำว่า ต้องตามลัทธิของตน หมายความว่าเข้ากันได้กับ ความคิดเห็นของตน หรือ เข้ากับลัทธิ ที่ตนถืออยู่แล้วแต่ก่อน
คำว่า ผู้พูดควรเชื่อได้ หมายความว่า ผู้พูดเป็นผู้ที่ใครๆ พากันเชื่อถือ เพราะเป็น บัณฑิต นักปราชญ์เป็นคนเฒ่าคนแก่เป็นคนเคยไปในที่นั้นๆ มาแล้ว เป็นต้นคำว่า ถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา หมายความถึง ครูบาอาจารย์โดยตรง

ขอบคุณข้อมูลจากพุทธทาสดอดคอม
คนดีตกนำไม่ไหลตกไฟไม่ใหม้

ความดี ย่อมรักษาผู้ประพฤติดี
ความชั่วย่อมไม่รักษาคนชั่วแต่จะทำลายคนชั่ว
เหมือนกำลังจุดไฟเผาตนเอง แต่ความดีเหมือนเกราะกำบังให้เราแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง

ฉะนั้นหากใครอยากให้ตนเองประสบแต่สิ่งดีๆในชีวิตจงรีบทำความดี ละทิ้งความชั่ว อย่าประมาทในชีวิต
ถ้าหากเราอยากดวงดี ก็ต้องทำความดี อยากได้สิ่งดีๆก็จงทำความดี ความดีจะปกป้องรักษาเราตลอดไป ตราบนานเท่าที่เรายังทำความดี


วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2555

คติธรรรมประจำใจ


คติธรรรมประจำใจ

ผู้ประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุข( ธรรมจารึง สุขังเสติ)

ความดีที่ทำคือเกราะกำบังที่ดีที่สุดสำหรับเรา

คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้

วาจาจริง เป็นสิ่งไม่ตาย

ทำอะไรให้พยายามทำให้สุดๆ อย่าหยุดอยู่กับที่ จนกว่าจะเห็นชัยชนะ

ความล้มเหลว ทำให้เราได้นึกทบทวนว่า สิ่งที่เราทำมีปัญหา อุปสรรคใดบ้าง และมีแนวทางใดบ้างที่เราจะก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ ถือซะว่าเป็นบทเรียนที่เราต้องสอบให้ผ่านให้ได้

ขอบคุณภาพจาticchai.com



วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ทำอย่างไรเมื่อหงุดหงิด จิตใจห่อเหี่ยว

ทำอย่างไรเมื่อหงุดหงิด จิตใจห่อเหี่ยว ทำอะไรไม่ได้ดังใจ

เป็นธรรมชาติของคนเราที่มีหน้าที่การงานมีความรับผิดชอบ แต่อาจจะมีบางวันที่รู้สึกเบื่อหน่าย ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากรับผิดชอบอะไร เบื่อเซ็งกับความจำเจของงาน หรือความจำเจของชีวิต

ตามหลักจิตวิทยาแล้วเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราจะบริหารจัดการมันอย่างไร

วิธีบริหารให้หายหงุดหงิด หรือจิตทำให้จิตใจดีขึ้น คือ

1. หายใจเข้าลึกๆ 10 ครั้ง บอกตัวเองว่า วันนี้เราจิตใจไม่ปรกติ หงุดหงิดง่าย หายใจเข้าพร้อมกับนึกในใจว่า เรามีความสดชื่น มีพลังที่จะสรรค์สร้างสิ่งดีๆให้กับชีวิต  หายใจออก พร้อมนึกในใจว่า ขอให้ความหงุดหวิด ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ จงหายไปกับการหายใจออกของเราให้หมด 
2.ทำจิตใจให้สงบสัก 5 นาที พยามคิดถึงแต่ปัจจุบัน อย่าคิดวอกแวก

3. นึกถึงสิ่งที่ดีๆ ที่เคยทำมา และคิดว่าชีวิตเรามีคุณค่า มีอะไรอีกมากมายที่เราต้องแสวงหาความสำเร็จ ขอให้เราทำวันนี้ให้ดีที่สุด

4. ถ้ายังไม่หายให้เปลียนอิริยบถ อาจจะเดินไปเดินมา หรือหาอะไรที่เราคิดว่ามันเพลินสำหรับเรา เช่น อาจทานน้ำหรือเครื่องดื่มที่ทำให้สดชื่น หรือทานอาหารอะไรที่เราคิดว่าอร่อยที่สุด

5. ที่สำคัญ ทำจิตใจให้สงบ ปล่อยว่าง ซะบ้าง อะไรที่เรายึดมั่นถือมั่น แบกไว้บนบ่าเรามากเกินไปก็ปล่อยมันลงซะบ้าง คิดว่า ทุกสิ่งในโลกนี้ เป็นไปตามกฎ อนิจจัง คือความไม่เที่ยงแท้แน่นอน มีเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ความทุก ความหดหู่ ห่อเหี่ยว ความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นเดี่ยวมันก็หาย
แล้วทำใจให้เบิกบาน แค่นี้สิ่งต่างๆที่เราพบพานก็จะหายไป


ขายที่นอนเป่าลมในรถ พกพาสะดวก นอนสบายบนหลังรถของคุณ
สร้างความสบายให้กับคุณและคนที่คุณรัก 
 เข้าชมเวปไซต์ได้ที่ www.carbed58.blogspot.com
















ขอบคุณผู้สนับสนุน
ตะกรุดกาสะท้อน พุทธคุณ 108 ป้องกันภัย ป้องกันคุณไสน ค้าขายร่ำรวย เมตตา มหานิยม
www.facebook.com/takrudkasaton

แบตเตอร์รี่มือถือ คุณภาพดี 

http://powerbank45.lnwshop.com/

ครีมบำรุงผิวหน้าขาวใส ครีมนมข้าว การรันตีโดยอย.
http://ricemilkcream.lnwshop.com/

ที่นอนในรถ  คุณภาพดี ปรับเบาะหลังให้เป็นที่นอนสบายๆ
เหมาะกับการนอนหลับพักผ่อนหลังรถ 
http://teenorn.lnwshop.com/

วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2555

2 หลักธรรม แก้ความขี้เกียจ


ขายที่นอนเป่าลมในรถ ปรับเบาะหลังรถของคุณให้เป็นที่นอนสบายกับเบาะนอนในรถ




2 หลักธรรม  แก้ความขี้เกียจ  ( ขันติ ความอดทน ทมะ ความข่มใจ)

ความเกียจคร้านเป็นอุปสรรคไม่ให้เราทำงานบรรลุเป้าหมายได้ ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องมีตัวแก้มันคือ ต้องอาศัยความอดทน ( ขันติ ) และความข่มใจ ( ทมะ) วิธีการก็คือ

เวลาไหนเรารู้สึกขี้เกียจ ไม่อยากทำงาน ไม่อยากไปเรียนหนังสือ ไม่อยากทำความดี เป็นต้น เราต้องอาศัยความข่มใจ อดทน ไม่ขี้เกียจให้นึกว่า ความขี้เกียจเป็นสะเนียดจัญไร

เราต้องชนะใจของเราเองให้ได้ ท่องไว้ในใจว่า เราต้องข่มใจ อดทนต่อความขี้เกียจให้ได้ เราต้องชนะมันให้ได้ ไม่นานความขี้เกียจก็จะหายไป เราก็จะพบกับความอิสระจากความขี้เกียจ ขอให้เราก้าวข้ามไปให้ได้ งานใดๆที่ทำก็จะบรรลุเป้าหมาย








ราคา 1,999 บาท 

ตะกรุดหัวใจพุทธคูณ 108 ของท่านครูบาน้อย สร้างขึ้นมามีจำนวนจำกัดหมดแล้วหมดเลย
สรรพคุณมีไว้ป้องกันตัว  ป้องกันคุณไสย ป้องกันอันตรายที่เกิดจากภัยอันตรายทั้งปวง แคล้วคลาดจากศรัตรูอาฆาตรมาตรร้าย นำติดตัวเดินทางไปในที่ต่างๆจะปลอดภัยจากอุบั้ติเหตุทั้งมวล
พุทธคุณ
1 ใช้ป้องกันอันตราย
 2ป้องกันคุณไสย
 3.ป้องกันภูตผีปีศาจ
 4.ช่วยปัดเป่าสิ่งเลวร้าย
 5.ช่วยกลับร้ายกลายเป็นดี
 6.มีเมตตามหานิยมดีมาก ๆ
7.คนรักคนชอบ
8.เจริญหน้าที่การงาน
9.ค้าขายดี
 10ร่ำรวยเงินทอง
 11.มีความเจริญรุ่งเรืองในชวิตดีนักแล


คาถาอาราธนา
พุทธังอาธนานัง ธัมมังอาราธนานัง สังฆังอาราธนานัง
บิดา มารดาอาราธนานัง พระครูบาอาจารย์ทุกพระองค์
จงช่วยปัดเป่าสิ่งเลวร้าย และเสนียดจัญไรในบ้าน และที่อยู่อาศัยของข้าพเจ้า ในตนตัวของข้าพเจ้า ให้กลับหายไป ณ บัดนี้
สะตะภะวะ - มะสะตะ - นะมะปะถะ - นะโมพุทธายะ
สาธุ สาธุ สาธุ




บูชา700บาท

ตะกรุดกาสะท้อน สรรพคุณ ป้องกันภยันตรายจากอุบัติเหตุจากการขับรถ ขับเรือ
เดินทางโดยสารเครืองบินหรือเดินทางไกลไปที่ไหนปลอดภัย ป้องกันคุณไสย คุ้มภัยปัองกันภยันตรายที่จะเข้ามาสู่ตัวเราให้สะท้อนกลับไปหมดสิ้น

ตะกรุด โชคลาภ สรรพคุณ มีไว้บูชาจะมีโชคลาภ ทำมาค้าขายดี ร่ำรวยเงินทอง หากทำการค้าขายจะมั่งมีเงินทอง เงินทองไหลมาเทมาไม่ขาดสายแล
ให้เช่าบูชาดอกละ 299 บาท
ติดต่อ เพชร เวียงพิงค์ 085 0385606

                ตะกรุดกาสะท้อนสีเงินครูบาน้อยพร้อมพระอุปคุตหาลาภรุ่นล่าสุด
                                                          แบบมีสายห้อย
1,900 บาท


                     ตะกรุดกาสะท้อนสีทองครูบาน้อยพร้อมพระอุปคุตมหาลาภรุ่นล่าสุด
                                                                แบบมีสายห้อย
     บูชา1,399 บาท


ตะกรุดกาสะท้อนครูบาน้อยแบบมีสายห้อยคอ

                                                       บูชา699 บาท


                                          ตะกรุดกาสะท้อนคาดเอว

                                                       บูชา 699 บาท



                            ยันต์ไตรภาคีมหาลาภ สามกษัตริย์ ปลุกเสกโดยครูบาน้อย                    ค้า ขายร่ำรวย เงินทองไหลมาเทมา ให้โชคลาภ ดีนักแล
                                             1,299 บาท


ตะกรุดกาสะท้อน รุ่นแรก ฝังเกศาครูบาน้อย ว่าน 108 และพระธาตุ ทองแดง

บูชา 1500 บาท

ติดต่อ เพชร เวียงพิงค์ 085 0385606 หรือที่ email  chinpetch@gmail.com หรือ
puttachayantee@gmail.com

ขอบคุณผู้สนับสนุน
ตะกรุดกาสะท้อน พุทธคุณ 108 ป้องกันภัย ป้องกันคุณไสน ค้าขายร่ำรวย เมตตา มหานิยม
www.facebook.com/takrudkasaton

แบตเตอร์รี่มือถือ คุณภาพดี 

http://powerbank45.lnwshop.com/

ครีมบำรุงผิวหน้าขาวใส ครีมนมข้าว การรันตีโดยอย.
http://ricemilkcream.lnwshop.com/

ที่นอนในรถ  คุณภาพดี ปรับเบาะหลังให้เป็นที่นอนสบายๆ
เหมาะกับการนอนหลับพักผ่อนหลังรถ 
http://teenorn.lnwshop.com/


วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เทคนิคแก้ความเครียด

เทคนิคแก้ความเครียด

ปัจจุบันความเครียดเกิดขึ้นกับเราทุกคนโดยไม่รู้ตัว ถ้ามีความเครียดเกิดขึ้นเพื่อป้องกันการเกิดโรคต่างๆตามมาควรปฏิบัติดังนี้


ผู้ใดปฏิบัติครบตามทุกข้อ ย่อมก่อให้เกิดความมีสติ สมาธิ และปัญญา คือสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างผู้มีปัญญา และมองเห็นทางออกของปัญหา เพราะปัญหาต้องแก้ด้วยปัญญา
การทำสมาธิ โดยการกำหนดลมหายใจเข้าออกมีขั้นตอนคือ

1. นั่งตัวตรง เท้าขวาทับเท้าซ้าย มือขวาทับมือซ้าย
2. ให้นึกว่า ตัวเองอยุ่ในท่าที่สบายที่สุด แล้วหายใจเข้าลึกๆ 10 ครั้งหลังจากนั้นก็กำหนดลมหายใจธรรมดาแบบผ่อนคลายสบาย

3.หลับตา หายใจเข้า กำหนดในใจว่า พุทธ หายใจออกกำหนดในใจว่า โธ
4. อย่าให้จิตใจวอกแวก ถ้าจิตใจวอกแวกไปมาให้กำหนดรู้ตัวว่าฟุ้งซ่านหนอๆ

5. เมื่อจิตใจหายฟุ้งซ่านแล้วก็กำหนดลมหายใจตามข้อ3
6.ทำอย่างน้อย30นาที จะทำให้หายเครียด หายจากความวิตกกังวล สมองสดใส คิดอะไรก็ออก มีสมาธิทำงานสำเร็จได้ง่าย

และจะได้บุญใหญ่ เพราะบุญ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า เกิดขึ้นได้ 3 ทาง คือ ทานมัย บุญเกิดจากการให้ทาน
ทาน ศีลมัย บุญเกิดจากการรักษาศีล
 และภาวนามัย บุญเกิดจากการเจริญสมาธิภาวนา


ผู้ที่ทำสมาธิภาวนานี้จึงเป็นการทำบุญไปในตัว โดยไม่ต้องเสียเงินเสียทองอะไร  และจะทำให้สุขภาพจิตและสุขภาพกายดีแต่มีข้อแม้ว่าต้องทำติดต่อกันอย่างน้อย 7 วันจึงจะเห็นผลเป็นรูปธรรม และหากเห็นผลแล้วควรทำต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จะนำมาซึ่งความสุข ความเจริญในชีวิต





4 วิธีแก้ความอิจฉาตาร้อน

4 วิธีแก้ความอิจฉาตาร้อน

การอิจฉาตาร้อนคนอื่น ถือเป็นโรคจิตอย่างหนึ่ง ถ้าปล่อยให้เกิดขึ้นในใจเป็นประจำแล้ว สุดท้ายจะก่อให้เกิด การป่วยทางจิตได้ เพราะตนเองทุกข์อยู่คนเดียว คนที่ถูกอิจฉาไม่รับรู้ด้วย

วิธีแก้ไข

1. มีเมตตาต่อคนอื่น หมายถึง การทำใจให้เอ็นดูคนอื่น เหมือนญาติพี่น้องเรา เพราะทุกคนเกิดมาบนโลกนี้เป็นญาติร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันหมดทุกคน

2. มีความกรุณา ต่อคนอื่น หมายถึง คิดสงสารคนอื่น เหมือนเราสงสารญาติของเราเมื่อตกทุกข์ได้ยาก

3. มีมุทิตาจิต ต่อผู้อื่น หมายถึง การยินดีเมื่อคนอื่นได้ดี เหมือนเรายินดีกับญาติพี่น้องของเราเมื่อพวกเขาได้ดี

4. อุเบกขา หมายถึงการปล่อยวาง เมื่อผู้อื่นได้รับผลของการกระทำของตนเอง

 ทั้ง 4 ข้อ ดังกล่าว ข้อ 3 การมีมุทิตาจิต กับคนอื่นเมื่อผู้อื่นได้ดี คือ ประเด็นสำคัญที่ผู้เขียนต้องการให้ผู้อ่านนำการมีมุทิตาจิตต่อผู้อื่นมาใช้แก้การอิจฉา ผู้อื่น เพราะเมื่อเรามีใจยินดีต่อผู้อื่นแล้ว จิตใจเราจะสบาย ปลอดโปร่ง ไม่ต้องเสียเวลา เสียความคิด เพราะการอิจฉา นำทุกข์มาสู่ตน สู้เราเอาเวลาไปคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆให้แก่ชีวิตดีกว่า

ขอบคุณผู้สนับสนุน
ตะกรุดกาสะท้อน พุทธคุณ 108 ป้องกันภัย ป้องกันคุณไสน ค้าขายร่ำรวย เมตตา มหานิยม
www.facebook.com/takrudkasaton

แบตเตอร์รี่มือถือ คุณภาพดี 

http://powerbank45.lnwshop.com/

ครีมบำรุงผิวหน้าขาวใส ครีมนมข้าว การรันตีโดยอย.
http://ricemilkcream.lnwshop.com/

ที่นอนในรถ  คุณภาพดี ปรับเบาะหลังให้เป็นที่นอนสบายๆ
เหมาะกับการนอนหลับพักผ่อนหลังรถ 
http://teenorn.lnwshop.com/




ไหว้พระ9วัดได้บุญจริงหรือไม่

ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา

พระพุทธเจ้าตรัสไว้เมื่อ 2,600ปีมาแล้ว ก่อนที่พระองค์จะเสด็จดับขันปรินิพพาน พระอานนท์ทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หลังจากที่พระองค์ปรินิพพานไปแล้ว

พวกข้าพระองค์จะยึดอะไรเป็นที่พึ่ง หรือยึดถืออะไรเป็นตัวแทนของพระองค์ดีพระพุทธเจ้าข้า พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนอานนท์ หลังจากตถาคตเสด็จดับขัน

ปรินิพพานไปแล้ว พระธรรม พระวินัย ที่เราสั่งสอนมาเป็นเวลา 45 พรรษานั้นแล จักเป็นที่พึงของเหล่าพุทธบริษัททั้งหลาย

ประเด็นคำถามที่ตั้งไว้เป็นหัวข้อใหญ่ว่า ไหว้พระ9วัดได้บุญจริงหรือไม่ คำตอบของพระพุทธเจ้าที่ตรัสตอบพระอานนท์ จึงเป็นคำตอบที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด กล่าวคือ

การไปไหว้พระทำบุญ เพื่อให้เราได้บุญนั้น ได้บุญจริงแต่ไม่มาก เป็น อามิสบูชา บูชาพระพุทธเจ้าด้วยเครื่อง

สักการะบูชา เช่นธูป เทียน ดอกไม้ สังฆทานเป็นต้น แต่หากจะให้ได้บุญมากๆ และติดตัวเราไปทุกภพทุกชาติต้องเป็นบูชาลักษณะ ปฏิบัติบูชา บูชาด้วยการปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

คำสอนของพระพุทธเจ้าที่เราปฏิบัติตามได้ข้อไหน

คำสอนของพระพุทธเจ้ามีมากถึง 84,000 พระธรรมขันธ์ แต่ย่อให้สั้นแล้วเหลือ เพียง 3 ข้อ คือ

1. ศีล การรักษากาย วาจา ใจ ให้ปกติ ไม่ให้เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ฆ่สัตว์ตัดชีวิต ไม่พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดให้ร้ายคนอื่น และใจไม่คิดอาฆาตร พยาบาทเบียดเบียนผู้อื่น ให้มีเมตตาแก่ทุกคน    ควรปฏิบัติ ตามแค่ 3 ข้อก็ได้บุญมากที่สุดแล้ว
2. สมาธิ ให้มีความแน่วแน่ในการปฏิบัติธรรม หรือปฏิบัติหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ หมั่นนั่งสมาธิภาวนา เจริญสติ

เช่น นั่งสามาธิ หายใจเข้า นึกในใจว่า พทธ หายใจออก นึกในใจว่าโธ ปฎิบัติเช่นนี้เป็นนิจ ก็จะทำให้จิตใจเบิกบาน ละเสียได้ซึ่ง ความโลภ โกรธ หลง หรือทำให้กิเลสทั้งสามเบาบางลงได้
3. ปัญญา คือ การรู้แจ้งเห็นจริงในธรรมะ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น

ปัญญาในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเฉพาะรู้เข้าใจธรรมะเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึง รอบรู้ในสิ่งที่ควรรู้ เช่นรู้ว่า จะทำอย่างไรไม่

ให้ยากจน จะทำอย่างไรไม่ให้ทำความชั่ว จะทำอย่างไรจะอยู่ในโลกปัจจุบันอย่างมีความสุขได้ เหล่านี้คือปัญญาที่พระองค์ประสงค์จะให้เกิดแก่ทุกคน

หากผู้ไปทำบุญ 9 วัดแล้ว และได้ปฎิบัติตามคำสั่งสอนของพระองค์ จึงเรียกว่า การทำบุญของท่านมีอานิสงส์หาที่สุดมิได้แท้แล

ขอขอบคุณผู้สนับสนุน
ร้านขายเบาะนอนในรถ ปรับเบาะหลังรถของคุณให้เป็น

เตียงนอนได้สบายๆ ใช้ได้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ดู

สินค้าบนเวบไซต์

ได้ที่

http://www.baulomyang.blogspot.com/

















กำไรเจ็ดต่อมหามงคลให้โชคลาภ


เงินทองไหลมาเทมา ค้าขายร่ำรวย 


ปลุกเสกโดยครูบาน้อย



ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 นิ้วชุปทองเหลือง


สวยงาม
เข้าดูเวปไซต์ได้ที่นี่         www.facebook.com/takrudkasaton

                  ราคา1,000 บาท



        
                                                   สนใจติดต่อ 085 0385 606

ตะกรุดกาสะท้อน พุทธคุณ 108 ป้องกันภัย ป้องกันคุณไสน ค้าขายร่ำรวย เมตตา มหานิยม
www.facebook.com/takrudkasaton

แบตเตอร์รี่มือถือ คุณภาพดี 

http://powerbank45.lnwshop.com/

ครีมบำรุงผิวหน้าขาวใส ครีมนมข้าว การรันตีโดยอย.
http://ricemilkcream.lnwshop.com/

ที่นอนในรถ  คุณภาพดี ปรับเบาะหลังให้เป็นที่นอนสบายๆ
เหมาะกับการนอนหลับพักผ่อนหลังรถ 
http://teenorn.lnwshop.com/

happiness in your mined


happiness in your mined
We've been dating my ex when I was a child or not. We will feel the effects as we have fun, but I do not think the future will be like. But in the present. Play with toys that are enjoyed by children first.
I never thought about that. I grew up with the idea that consciousness is present. I think of the future. Were fun to do it. I have a headache, but I strained a previous life I have been running but is not physical.Uneasiness replaced.
The main reason is because we have no conscious mind is distracted with the current thinking about these things, but the mental health of miscellaneous waste. Added risk. I have been like as a child lost.
How to enable us to be happy again.
We have a self-conscious. In the present work, such as reading or doing any activity that I have with that is that.
Any time we are conscious of anything. I was distracted. We will be happy. We are suffering because they do not block the path to consciousness by the armed guard who is suffering abuse.
2 out of the drug in your body and mind is standing, walking, sitting, reclining, drink, do not think the director is always conscious of consciousness. In the present. The former is like.
Do not care what the future holds, do not mind. The fact that the current focus is the best. Life is good, because we do not present well. The future is bright. Then I said to myself. We are fortunate to have this line.
Live another day. We are very happy to do this as best we can. This happiness will be with us not seek to find. But it is in ourselves. I know in my heart.

มีสุขได้เพราะมีใจอยู่กัยปัจจุบัน

มีสุขได้เพราะมีใจอยู่กัยปัจจุบัน


เราเคยย้อนนึกถึงอดีตเมื่อตอนยังเป็นเด็กๆได้หรือไม่ เราจะรู้สึกภาวะความเป็นเด็กของเรา มีแต่ความสุข สนุกสนาน ไม่คิดถึงอดีตไม่คิดถึงอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร แต่จะอยู่กับปัจจุบัน เล่นกับของเล่นที่มีอยู่ สนุกสนาน ไปตามประสาเด็ก


เคยคิดบ้างไหมว่า พอโตมาความคิดที่มีสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่คิดถึงอนาคต ภาวะความสนุกสนานหายไปไหนหมด แต่กลับมีแต่เรื่องราวที่ทำให้เครียด ปวดหัว ชีวิตมีแต่หน้าที่ มีแต่งาน มีแต่เรื่องวุ่นๆมีความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจเข้ามาแทนที่


สาเหตุหลักเป็นเพราะเราไม่มีสติไม่มีใจอยู่กับปัจจุบัน คิดฟุ้งซ่าน คิดนั่นคิดนี่ จิปาถะ สิ่งเหล่านี้บางทีทำให้สุขภาพจิตเสีย เกิดภาวะหงุดหงิดง่าย ความสุขที่เคยมีเหมือนตอนเป็นเด็กหายไปหมด


วิธีแก้เพื่อให้เรากลับมามีความสุขอีกครั้งคือ


1 เราต้องมีสติอยู่กับตัวเอง อยู่กับปัจจุบัน เช่น ขณะทำงาน อ่านหนังสือ หรือทำกิจอันใดก้ให้มีสติอยู่กับสิ่งนั้น สังเกตว่า


เวลาใดที่เรามีสติอยู่สิ่งใด ไม่คิดฟุ้งซ่าน เราจะมีความสุข ไม่ทุกข์เพราะเราปิดช่องทางเดินของทุกข์ไม่ให้เข้ามาโดยมีอาวุธคือสติเป็นตัวป้องกันผู้รุกรานคือ ความทุกข์


2 ควบคุมกิรยาในกาย ใจ คือ ยืน เดิน นั่ง นอน ดื่ม ทำ พูด คิด ให้รู้ตัวมีสติกำกับอยู่เสมอ อยู่กับปัจจุบัน อดีตเป็นเช่นไร 


อย่าไปสน อนาคตจะเป็นอย่างไรอย่าใสใจ ใส่ใจว่าปัจจุบันคือความจริงทำให้ดีที่สุด อนาคตจะดีเองเพราะเราทำเหตุปัจจุบันให้ดีแล้ว อนาคตก็จะสดใส แล้วนึกในใจว่า ว้นนี้เราโชคดีทีมี


ชีวิตอยู่อีกหนึ่งวัน เรามีความสุขมากที่ได้ทำวันนี้ได้ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ แค่นี้ความสุขก็จะอยู่กับเราไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหน แต่จริงๆแล้วมันอยู่ในตัวเรา อยู่ในใจเรานี่เอง
เด็กน้อยกับทอมแคท พอจับมาป๊ะกัน...ความน่ารักเลยบังเกิด ♥♥♥






บทสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย









จากคำสอนหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน


วิธีสวด


   ให้เริ่มสวดตั้งแต่บทบูชาพระรัตนตรัย กราบพระรัตนตรัย นมัสการพระรัตนตรัย (นะโม๓ จบ)
 คำขอขมาพระรัตนตรัย ไตรสรณคมน์ ถวายพรพระ (อิติปิโสฯ)
 พุทธชัยมงคลคาถา(พาหุงฯ) เพียง๑ จบ จากนั้นให้สวด อิติปิโส เท่าอายุบวกด้วย ๑ เสร็จแล้วให้แผ่เมตตาแก่ตนเอง
แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ แผ่ส่วนกุศล เสร็จแล้วจึงอธิษฐานตามสิ่งที่ปรารถนา จากนั้นจึงสวดพระคาถาชินบัญชร และบทสวดอื่นๆ   



บูชาพระรัตนตรัย
อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อะภิปูชะยามิ
ข้าพเจ้าขอบูชาดอกไม้ธูปเทียนแด่พระพุทธเจ้า
อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อะภิปูชะยามิ
ข้าพเจ้าขอบูชาดอกไม้ธูปเทียนแด่พระธรรมเจ้า
อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อะภิปูชะยามิ
ข้าพเจ้าขอบูชาดอกไม้ธูปเทียนแด่พระสังฆเจ้า

      กราบพระรัตนตรัย
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา  พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวาเทมิ (กราบ)
พระผู้มีพระภาคเจ้า  เป็นพระอรหันต์ ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิง ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ข้าพเจ้าขออภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ) 
พระธรรม เป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสไว้ดีแล้ว  ข้าพเจ้าขอนมัสการ พระธรรม

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ (กราบ)
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติดีแล้ว ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระสงฆ์


นมัสการพระรัตนตรัย


นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (สวด ๓ จบ)
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง

คำขอขมาพระรัตนตรัย

วันทามิ พุทธัง สัพพะเมโทสัง ขะมะถะเม ภันเต
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าขอกราบไหว้พระพุทธเจ้า เพื่อขอขมาโทษทั้งปวง ขอพระองค์จงทรงประทานอภัยโทษแก่ ข้าพเจ้าด้วยเถิด


วันทามิ ธัมมัง สัพพะเมโทสัง ขะมะถะเม ภันเต
ข้าแต่พระธรรมอันเจริญ ข้าพเจ้าขอกราบไหว้พระธรรม เพื่อขอขมาโทษทั้งปวง ขอพระธรรมจงให้อภัยโทษแก่ ข้าพเจ้าถ้วยเถิด
วันทามิ สังฆัง สัพพะเมโทสัง ขะมะถะเม ภันเต 

ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าขอกราบไหว้พระสงฆ์ เพื่อขอขมาโทษทั้งปวง ขอพระสงฆ์จงให้อภัยโทษแก่ ข้าพเจ้าด้วยเถิด

   ไตรสรณคมน์

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ 

สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ข้าพเจ้าขอถือเอา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่ระลึก
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ข้าพเจ้าขอถือเอา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่ระลึกเป็นครั้งที่สอง
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ข้าพเจ้าขอถือเอา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่ระลึกเป็นครั้งที่สาม


ถวายพรพระ (อิติปิ โสฯ)

อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร 
ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ (พุทธคุณ)
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ไกลจากกิเลส เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง 
เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ(ความรู้ และความประพฤติ) เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว

(คือ ไปที่ใดยังประโยชน์ให้ที่นั้น) เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งไปกว่า
 เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม เป็นผู้มีความจำเริญ จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์
สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก 
โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูติ ( ออกเสียงว่า วิญญูฮีติ ) (ธรรมคุณ)


พระธรรมเป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสไว้ดีแล้ว เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง
เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลไม่จำกัดกาล เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกับผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต 

สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย* ปาหุเนยโย** ทักขิเณยโย*** อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ (สังฆคุณ)
 ( * ออกเสียงว่า อาหุไนโย ** ออกเสียงว่า ปาหุไนโย *** ออกเสียงว่า ทักขิไนโย)

สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติดีแล้ว สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติตรงแล้ว
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด
ปฏิบัติสมควรแล้ว ได้แก่บุคคุลเหล่านี้คือ คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้ ๘ บุรุษ (คือพระอริยบุคคล ๘) 

นั่นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา เป็นผู้ควรแก่การต้อนรับ เป็นผู้ควรแก่ทักษิณา
 เป็นผู้ควรแก่การทำอัญชลี เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า



บทสวดมนต์ที่วิเศษที่สุดคือ พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ แล้วก็แผ่เมตตา ถ้าตั้งใจสวดอย่างต่อเนื่องทุกๆวัน ไม่ต้องไปสวดคาถาบทอื่นก็ได้

พุทธชัยมงคลคาถา (พาหุงฯ)

คาถาแห่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธองค์ มงคลคาถาที่ใช้สวดเพื่อป้องกันภัยและเอาชนะอุปัทวันตราย


๑. พาหุง สะหัส สะมะภินิม มิตะสา วุธันตัง
ครีเมขะลัง อุทิตะโฆ ระสะเส นะมารัง
ทานาทิธัม มะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมัง คะลานิ

     พระจอมมุนีได้ทรง ชนะพญามาร ผู้นิรมิตแขนมากตั้งพัน ถืออาวุธครบมือ ขี่คชสารชื่อครีเมขละ 
พร้อมด้วยเสนามารโห่ร้องกึกก้อง ด้วยธรรมวิธี คือ ทรงระลึกถึงพระบารมี ๑๐ ประการ ที่ทรงบำเพ็ญแล้ว 
มีทานบารมีเป็นต้น ขอชัยมงคลทั้งหลาย จงมีแก่ข้าพเจ้า ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้น
      แม่พระธรณีบีบน้ำที่พระพุทธองค์กรวดลงพื้นสู่ดินทุกครั้งที่บำเพ็ญบารมีมาแต่ปางก่อน น้ำจากมวยผมหลั่งไหลออกมาไม่จบสิ้น 
เหล่าพญามารถูกกระแสน้ำพัดพ่ายแพ้ไปหมดสิ้น

๒. มาราติเร กะมะภิยุช ฌิตะสัพ พะรัตติง
โฆรัมปะนา ฬะวะกะมัก ขะมะถัท ธะยักขัง
ขันตีสุทัน ตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมัง คะลานิ

      พระจอมมุนีได้ทรง ชนะอาฬวกะยักษ์ผู้มีจิตกระด้างดุร้ายเ้ยมโหด มีฤทธิ์ยิ่งกว่าพญามารผู้เข้ามาต่อสู้ยิ่งนักจนตลอดรุ่ง 
ด้วยวิธีที่ทรงฝึกฝนเป็นอันดี คือ ขันติบารมี (ความอดทน อดกลั้น) ขอชัยมงคลทั้งหลาย จงมีแก่ข้าพเจ้า 
ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนี้
อาฬวกะยักษ์ อสูรร้ายที่ไล่ฆ่ากัดกินผู้คนเป็นอาหาร เป็นที่น่าหวาดกลัว ยังต้องสยบพ่ายแพ้ต่อพระพุทธเจ้า

               ๓. นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัต ตะภูตัง
ทาวัคคิจัก กะมะสะนีวะ สุทารุ ณันตัง
เมตตัมพุเส กะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมัง คะลานิ

      พระจอมมุนีได้ทรงชนะพญาช้างชื่อ นาฬาคิรี เป็นช้างเมามันยิ่งนัก ดุร้ายประดุจไฟป่า และร้ายแรงดังจักราวุธและสายฟ้า
 (ขององค์อินทร์) ด้วยวิธีรดลงด้วยน้ำ คือ พระเมตตา ขอชัยมงคลทั้งหลาย จงมีแก่ข้าพเจ้า ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้น
พระเทวทัต ปล่อยช้างที่กำลังตกมัน ชื่อ นาฬาคิรี ให้วิ่งตรงมาทำร้ายทิ่มแทงพระพุทธเจ้า แต่พระองค์ทรงแผ่พระเมตตา 
จนช้างนาฬาคิรีกลับเปลี่ยนท่าทีที่ดุร้ายกลับกลายเป็นแสดงความเคารพต่อพระพุทธองค์

               ๔. อุกขิตตะขัค คะมะติหัต ถะสุทา รุณันตัง
ธาวันติโย ชะนะปะถัง คุลิมา ละวันตัง
อิทธีภิสัง ขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมัง คะลานิ

     พระจอมมุนีได้ทรงบันดาลอิทธิฤทธิ์ทางใจอันยอดเยี่ยม ชนะโจรชื่อ องคุลีมาล (ผู้มีพวงมาลัย คือนิ้วมือมนุษย์) แสนร้ายกาจ
 มีฝีมือถือดาบวิ่งไล่พระองค์ไปสิ้นทาง ๓ โยชน์ ขอชัยมงคลทั้งหลาย จงมีแก่ข้าพเจ้า ด้วยเดชแห่งพระพทุธชัยมงคลนั้น

จอมโจรองคุลีมาล ที่เ้ยมโหดน่าเกรงขาม ประหารผู้คนมากมาย เพื่อตัดนิ้วมาทำพวงมาลัยคล้องคอ วิ่งไล่ฟันพระพุทธเจ้า
หวังจะได้นิ้วให้ครบพัน แต่ก็ไม่สามารถติดตามได้ทัน พระพุทธองค์จึงตรัสเทศนาสั่งสอนจนองคุลีมาลสำนึกบาป
ตามเสด็จออกบวช จนได้บรรลุพระอรหันต์ในที่สุด

               ๕. กัตวะวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา
จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกา ยะมัชเฌ
สันเตนะโสมะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมัง คะลานิ

     พระจอมมุนีได้ทรงชนะคำกล่าวร้ายของนางจิญจมาณวิกา ผู้ทำอาการประหนึ่งว่ามีครรภ์ เพราะทำไม้มีสัณฐานกลมผูกติดไว้
ให้เป็นประดุจมีท้อง ด้วยวิธีสมาธิอันงาม คือ ความสงบระงับพระหฤทัย ในท่ามกลางหมู่ชน ขอชัยมงคลทั้งหลาย 

จงมีแก่ข้าพเจ้า ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้น
นาง จิญจมาณวิกา รับจ้างเหล่านักบวชเดียรถีย์ ทำไม้มากลึงผูกติดซ่อนไว้กับท้องและกล่าวร้ายว่ามีครรภ์กับพระพุทธเจ้า
แต่ไม่สำเร็จ จึงวิ่งหนีออกมานอกวัดพระเวฬุวัน ทันทีที่ก้าวพ้นวัด ธรณีก็แยกสูบนางลงไปยังขุมนรกด้วยผลแห่งกรรมนั้น

               ๖. สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะ กะวา ทะเกตุง
วาทาภิโร ปิตะมะนัง อะติอัน ธะภูตัง
ปัญญาปะที ปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมัง คะลานิ

     พระจอมมุนีทรงรุ่งเรืองด้วยประทีป คือ ปัญญา ได้ชนะสัจจกนิครนถ์ (นักบวชประเภทหนึ่งในสมัยพุทธกาล)
ผู้มีอัชฌาสัยในที่จะสละเสียซึ่งความสัตย์ มุ่งยกถ้อยคำของตน ให้สูงล้ำดุจยกธง เป็นผู้มืดมนยิ่งนัก ด้วยเทศนาญาณวิธี คือ 

รู้อัชฌาสัยแล้วตรัสเทศนาให้มองเห็นความจริง ขอชัยมงคลทั้งหลาย จงมีแก่ข้าพเจ้า ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้น
เหล่าเดียรถีย์นักบวชผู้หลอกลวง ท้าประลองฤทธิ์กับพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงแสดง ยมกปาฏิหาริย์ 

ลอยไปประทับยังยอดต้นมะม่วง ทรงปล่อยน้ำอุทกหลั่งไหลและเปล่งเปลวไฟออกจากพระวรกาย
ซึ่งมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ทำได้ เหล่าเดียรถีย์ได้เห็นประจักษ์ พากันเลื่อมใส ขอบวชเป็นสาวก

               ๗. นันโทปะนัน ทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง
ปุตเตนะเถ ระภุชะเคนะ ทะมา ปะยันโต
อิทธูปะเท สะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมัง คะลานิ

     พระจอมมุนีได้ทรงโปรดให้พระโมคคัลลานะเถระพุทธชิโนรส นิรมิตกายเป็นนาคราช ไปทรมานพญานาคราช
ชื่อ นันโทปนันทะ ผู้มีความหลงผิดมีฤทธิ์มาก ด้วยวิธีให้ฤทธิ์ที่เหนือกว่าแก่พระเถระ ขอชัยมงคลทั้งหลาย

จงมีแก่ข้าพเจ้า ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้น
นันโทปนันทะนาคราชหลงผิดคิดว่าตนมีฤทธิ์มากกว่าพระพุทธเจ้า เนรมิตกายใหญ่โตพันเขาพระสุเมรุ 

แผ่พังพานบดบังแสงอาทิตย์ปิดหนทางเสด็จจนมืดมิด พระองค์จึงทรงให้ พระโมคคัลลานะ
แปลงกายเป็นนาคราชใหญ่กว่าหลายพันเท่า กระหวัดรัดทรมาน นันโทปนันทะ จนยอมพ่ายแพ้ในที่สุด

               ๘. ทุคคาหะทิฏ ฐิภุชะเคนะ สุทัฏ ฐะหัตถัง
พรัหมังวิสุท ธิชุติมิท ธิพะกา ภิธานัง
ญาณาคะเท นะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมัง คะลานิ

     พระจอมมุนีได้ทรงชนะพรหม ผู้มีนามว่า พกาพรหม ผู้มีฤทธิ์ สำคัญตนว่าเป็นผู้รุ่งเรืองด้วยคุณอันบริสุทธิ์
มีความเห็นผิดประดุจถูกงูรัดมือไว้อย่างแน่นแฟ้นแล้ว ด้วยวิธีวางยาอันพิเศษ คือ เทศนาญาณ ขอชัยมงคลทั้งหลาย
จงมีแก่ข้าพเจ้า ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้น
แม้แต่ พกาพรหม ผู้ที่ถือตนว่าบริสุทธิ์กว่าผู้ใดในสามโลก ยังต้องยอมลดตนลงมาเมื่อเทียบกับความีศีลบริสุทธิ์ของพระพุทธองค์

               เอตาปิ พุทธะชะยะมัง คะละอัฏฐะคาถา
โย วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที
หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ
โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ

     นรชนใด มีปัญญา ไม่เกียจครัาน สวดก็ดี ระลึกก็ดี ซึ่งพระพุทธชัยมงคล ๘ บทนี้ทุกๆวัน
นรชนนั้นจะพึงละเสียได้ซึ่งอุปัทวันตรายทั้งหลาย มีประการต่างๆเป็นอเนก และถึงซึ่งวิโมกข์ (ความหลุดพ้น) อันเป็นบรมสุขแล

( * ถ้าสวดให้คนอื่นให้เปลี่ยนจากคำว่า เม เป็น เต )
 
   มหาการุณิโก
    มะหาการุณิโก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณินัง ปูเรตวา ปาระมี สัพพา ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม* ชะยะมังคะลังฯ
     ผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย ประกอบแล้วด้วยพระมหากรุณา ยังบารมีทั้งหลายทั้งปวงให้เต็ม เพื่อประโยชน์แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย
ได้บรรลุสัมโพธิญาณอันอุดมแล้ว ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า

               ชะยันโต โพธิยา มูเล สักยานัง นันทิวัฑฒะโน เอวัง อะหัง วิชะโย โหมิ** ชะยัสสุ ชะยะมังคะเล
อะปะราชิตะ ปัลลังเก สีเส ปะฐะวิโปกขะเร อะภิเสเก สัพพะพุทธานัง อัคคัปปัตโต ปะโมทะติ สุนักขัตตัง 

สุมังคะลัง สุปะภาตัง สุหุฏฐิตัง สุขะโณ สุมุหุตโต จะ สุยิฏฐัง พรัหมะจาริสุ ปะทักขิณัง กายะกัมมัง วาจากัมมัง
 ปะทักขิณัง ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง ปะณิธีเต ปะทักขิณา ปะทักขิณานิ กัตวานะ ละภันตัตเถ ปะทักขิเณ

     ขอข้าพเจ้าจงมีชัยชนะ เหมือนพระจอมมุนีทรงชนะมาร ที่โคนโพธิพฤกษ์ ถึงความเป็นผู้เลิศในสรรพพุทธาภิเษก

 ทรงปราโมทย์อยู่บนอปราชิตบัลลังก์อันสูง เป็นจอมมหาปฐพี ทรงเพิ่มพูนความยินดี แก่เหล่าประยูรญาติศากยวงศ์ฉะนั้นเทอญ
 เวลาที่สัตว์ (สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย) ประพฤติชอบ ชื่อว่า ฤกษ์ดี มงคลดี สว่างดี รุ่งดี และ ขณะดี ครู่ดี บูชาดีแล้ว 

ในพรหมจารี บุคคลทั้งหลาย กายกรรม เป็นประทักษิณ (การกระทำความดีอันเป็นกุศล) วจีกรรม เป็นประทักษิณ
มโนกรรม เป็นประทักษิณ ความปรารถนาของท่าน เป็นประทักษิณ สัตว์ทั้งหลาย ทำกรรมอันเป็นประทักษิณแล้ว
ย่อมได้ประโยชน์ทั้งหลาย อันเป็นประทักษิณ

     ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะพุทธานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวะตุ เม*
     ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะธัมมานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวะตุ เม*
     ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวะตุ เม*

     ขอสรรพมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า ขอเหล่าเทวดาทั้งปวงจงรักษาข้าพเจ้า ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
ขอความสวัสดีทั้งหลาย จงมีแก่ข้าพเจ้าทุกเมื่อเทอญ

( * ถ้าสวดให้คนอื่นให้เปลี่ยนจากคำว่า อะหัง วิชะโย โหมิ เป็น เอวัง ตะวัง วิชะโย โหหิ )

       อิติปิ โส เท่าอายุ       

     อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ
สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติฯ

       ให้สวดเกินอายุ ๑ จบ เช่น อายุ ๒๐ ปี ต้องสวด ๒๑ จบ

       บทแผ่เมตตาแก่ตนเอง 

อะหัง สุขิโต* (ตา) โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
นิททุกโข* (ขา) โหมิ ปราศจากความทุกข์
อะเวโร* (รา) โหมิ ปราศจากเวร 

อัพยาปัชโฌ* (ฌา) โหมิ ปราศจ
ากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง 
อะนีโฆ* (ฆา) โหมิ ปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ มีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
(*หญิงเปลี่ยนจาก โต เป็น ตา, โข เป็น ขา, โร เป็น รา, โฌ เป็น ฌา, โฆ เป็น ฆา)

       แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ 


สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพพะยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด

(*หญิงเปลี่ยนจาก โฆ เป็น ฆา)

       แผ่ส่วนกุศล 

อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่มารดาบิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้ามีความสุข

อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ญาติทั้งหลายของ ข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข

อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข

อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข 

อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข 

อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข

อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง มีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ

     



กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร


   ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศล จากการเจริญภาวนานี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า
ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้
แล้วโปรดอโหสิกรรมและอนุโมทนาบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ.

คำอธิษฐานอโหสิกรรม
   ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม กรรมใดที่ทำแก่ผู้ใดในชาติใดๆก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมนายเวร จงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า
 อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อไปเลย
   แม้แต่กรรมที่ใครๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น
ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทานเพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อไป
   ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้า ครอบครัว บุตรหลาน ตลอดจนวงษาคณาญาติ
และผู้มีอุปการคุณของข้าพเจ้ามีความสุข ความเจริญ ปฏิบัติแต่สิ่งที่ดี และสิ่งที่ชอบด้วยเทอญ

คำอธิษฐานขอพร
   ข้าพเจ้าขออาราธนา พระบารมี ๓๐ ทัศ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่เสด็จนิพพานไปแล้วมากยิ่งกว่าเม็ดกรวด เม็ดทราย ในท้องมหาสมุทรทั้ง ๔
   ด้วยเดชะ พระพุทธานุภาพ พระธัมมานุภาพ พระสังฆานุภาพ พระบารมี พระโพธิสัตว์

พระปัจเจกะโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย และพระบารมีขององค์พระสมณะโคดม บรมครู ขอได้ส่งพลังมายังตัวข้าพเจ้า
จงดลบันดาลให้ข้าพเจ้า หายจากโรคภัยทั้งหลายและสรรพเคราะห์ทั้งหลาย ในกายข้าพเจ้าจงสูญไปสิ้นด้วยเถิด
และขอให้ข้าพเจ้าประสพความสุข ความเจริญและประสพความสำเร็จตามที่ข้าพเจ้าปรารถนาทุกประการ

พระคาถาชินบัญชร            


 เพื่อให้เกิดอานุภาพยิ่งขึ้นก่อนเจริญภาวนาชินบัญชรตั้งนะโม 3 จบก่อน
แล้วระลึกถึงและบูชาเจ้าประคุณสมเด็จฯด้วยคำว่า

     ปุตตะกาโม ละเภ ปุตตัง ธะนะกาโม ละเภ ธะนัง
     อัตถิกาเย กายะญายะ เทวานัง ปิยะตัง สุตตะวา
     อิติปิโส ภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ
     มรณังสุขัง อะระหัง สุคะโต นะโมพุทธายะ

๑. ชะยาสะนากะตา พุทธา เชตะวา มารัง สะวาหะนัง
จะตุสัจจาสะภัง ระสัง เย ปิวิงสุ นะราสะภา

          พระพุทธเจ้าและพระนราสภาทั้งหลายผู้ประทับนั่งแล้วบนชัยบัลลังก์ ทรงพิชิตพระยามาราธิราช
ผู้พรั่งพร้อมด้วยเสนาราชพาหนะแล้ว เสวยอมตรสคือ อริยสัจธรรมทั้งสี่ประการ เป็นผู้นำสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นจากกิเลสและกองทุกข์

๒. ตัณหังกะราทะโย พุทธา อัฏฐะวีสะติ นายะกา
สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง มัตถะเก เต มุนิสสะรา

          ขอให้พระพุทธนราราสภจอมมุนีนายกทั้ง ๒๘ พระองค์ มีพระพุทธเจ้าพระนามว่าตัณหังกร เป็นอาทิ
บรรดาที่ประทับนั่งเหนืออาสนะชัย ทรงชำนะมารพร้อมด้วยพาหนะ ได้ดื่มรส คือ จตุสัจธรรมอันประเสริฐ
จงมาประดิษฐานอยู่ ณ เบื้องกระหม่อมของข้าพเจ้า

๓. สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโล จะเน
สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร

          ข้าพระพุทธเจ้าขออัญเชิญมาประดิษฐานเหนือเศียรเกล้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่บนศีรษะ
พระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง พระสงฆ์ผู้เป็นอากรบ่อเกิดแห่งสรรพคุณอยู่ที่อก

๔. หะทะเย เม อะนุรุทโธ สารีปุตโต จะ ทักขิเณ
โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง โมคคัลลาโน จะ วามะเก

          ขอให้พระอนุรุทธเถระ จงมาประดิษฐานอยู่ที่ดวงหทัยแห่งข้าพเจ้า พระสารีบุตร
จงมาประดิษฐานอยู่ ณ เบื้องขวา พระโกณฑัญญะ จงมาอยู่ ณ เบื้องหลัง
และพระโมคคัลลานะ จงมาอยู่ ณ เบื้องซ้าย

๕. ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง อาสุง อานันทะราหุโล
กัสสะโป จะ มะหานาโม อุภาสุง วามะโสตะเก

          ขอให้พระอานนท์และพระราหุล จงอยู่ ณ โสตเบื้องขวา พระกัสสปะและพระมหานามะทั้งสององค์ จ
งอยู่ ณ โสตเบื้องซ้าย

๖. เกสะโต ปิฏฐิภาคัสมิง สุริโยวะ ปะภังกะโร
นิสินโน สิริสัมปันโน โสภีโต มุนิปุงคะโว

          ขอให้พระโสภิตจอมมุนี ผู้สมบูรณ์ด้วยสิริดังพระอาทิตย์ส่องแสงอยู่ที่ทุกเส้นขน
ตลอดร่างทั้งข้างหน้าและข้างหลัง

๗. กุมาระกัสสะโป เถโร มะเหสี จิตตะวาทะโก
โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง ปะติฏฐาสิ คุณากะโร

          ขอให้พระกุมารกัสสปเถระ ผู้มีวาทะอันไพจิตรเป็นบ่อเกิดแห่งคุณงามความดีอันยิ่งใหญ่
จงมาประดิษฐานอยู่ที่ปาก (วทเน) แห่งข้าพเจ้าเป็นเนืองนิจ

๘. ปุณโณ อังคุลิมาโลจะ อุปาลี นันทะสีวะลี
เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา นะลาเฏ ติละกา มะมะ

          ขอให้พระเถระ คือ พระปุณณะ พระองคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และพระสิวลี พระเถระทั้ง ๕ องค์นี้
 จงเกิดเป็นประดุจต่อมไฝ หรือรอยเจิมที่นลาฏ (หน้าผาก) แห่งข้าพเจ้า

๙. เสสาสีติ มะหาเถรา วิชิตา ชินะสาวะกา
เอเตสีติ มะหาเถรา ชิตะวันโต ชิโนระสา
ชะลันตา สีละเตเชนะ อังคะมังเคสุ สัณฐิตา

         ขอให้พระอิสีติมหาเถระชินนะสาวกชิโนรส
ผู้พิชิตชำนะมารรุ่งโรจน์อยู่ด้วยเดชแห่งศีลนอกจากนั้นจงมาสถิตอยุ่ที่อวัยวะน้อยใหญ่ (แห่งข้าพเจ้า)

๑๐. ระตะนัง ปุระโต อาสิ ทักขิเณ เมตตะสุตตะกัง
ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ วาเม อังคุลิมาละกัง

          ขอพระรัตนตรัยสูตรจงอยู่ข้างหน้า เมตตสูตรจงอยู่ข้างขวา พระธชัคคสูตรจงอยู่ข้างหลัง
พระองคุลีมาลสูตรจงอยู่ข้างซ้าย

๑๑. ขันธะโมระปะริตตัญจะ อาฏานาฏิยะ สุตตะกัง
อากาเส ฉะทะนัง อาสิ เสสา ปาการะสัณฐิตา

         ขอพระขันธปริตร พระโมรปริตร และพระอาฏานาฏิยสูตร จงเป็นเพดานกางกั้นในอากาศ

๑๒. ชินาณา วะระสังยุตตา สัตตัปปาการะลัง กะตา
วาตะปิตตาทิสัญชาตา พาหิรัชฌัตตุปัททะวา

          ขอบรรดาพระสูตรอันประเสริฐต่างๆ ของพระชินเจ้าทั้งหลาย นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วนี้
ผู้ประกอบพร้อมด้วยกำลังนานาชนิดมีศีลาทิคุณอันมั่นคง คือสัตตะปราการเป็นอารมณ์มาตั้งล้อมเป็นกำแพงคุ้มครองเจ็ดชั้น

๑๓. อะเสสา วินะยัง ยันตุ อะนันตะชินะเตชะสา
วะสะโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะปัญชะเร

         ด้วยเดชานุภาพแห่งพระอนันตชินเจ้าไม่ว่าจะทำกิจการใดๆ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเข้าอาศัยอยู่ในพระบัญชรแวดวงกรงล้อมแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ขอโรคอุปัทวะทุกข์ทั้งภายนอกและภายในอันเกิดแต่โรคร้าย คือโรคลมหรือโรคดี เป็นต้น เป็นสมุฏฐานจงกำจัดให้พินาศไปอย่าได้เหลือ

๑๔. ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ วิหะรันตัง มะตะเล
สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ เต มะหาปุริสา สะภา
          ขอพระมหาบุรุษผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้นจงอภิบาลข้าพระพุทธเจ้า ผู้อยู่ในภาคพื้น ท่ามกลางพระชินบัญชร
ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการคุ้มครองปกป้องรักษาภายในเป็นอันดีฉะนี้แล้ว

๑๕. อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโข
ชินานุภาเวนะ ชิตูปัททะโว
ธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโฆ
สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะราโย
สัทธัมมานุภาวะปาลิโต จะรามิ ชินะปัญชะเรติ

          ข้าพระพุทธเจ้า ได้รับการอภิบาลด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธรรม จึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวะอันตรายใดๆ ด้วยอานุภาพ แห่งพระชินะพุทธเจ้า
 ชนะข้าศึกศัตรูด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ชนะอันตรายทั้งปวงด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้ปฏิบัติ
และรักษาดำเนินไปโดยสวัสดีเป็นนิจนิรันดร์ เทอญฯ

ขอบคุณเวบ http://www.liveinbangkok.com/